วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

กล้วยบวดชี

สูตรขนมหวานไทย : กล้วยบวดชี

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 
* กล้วยน้ำว้า 8 ลูก (เลือกห่ามๆ ไม่สุกมาก)
* หัวกะทิ 450 มิลลิลิตร
* หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
* ใบเตย 2 ใบ
* น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
* น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม
* เกลือ


ขนมหวานไทย : กล้วยน้ำว้า
ขนมหวานไทย : กล้วยบวดชี
 
      
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำกล้วยไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาที หรือนึ่งจนกระทั่งผิวกล้วยเริ่มแตกออก จึงปิดไฟและนำออกมาปอกเปลือกและหั่นครึ่งลูก จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
2. นำหางกะทิไปต้มในหม้อและใส่ใบเตยลงไปด้วย เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทรายขาวและเกลือนิดหน่อย
3. เมื่อกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งจึงใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยทิ้งไว้ให้เดือดอีกประมาณ 3 นาที ถ้าต้องการให้น้ำข้นเหนียวก็ให้ใส่แป้งมันลงไปประมาณ 1 ช้อนชาและคนให้ละลายทั่ว
4. อย่าต้มนานจนเกินไปเพราะจะทำให้กล้วยเละ กล้วยควรจะยังแข็งนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานและเสริฟทันที3. เมื่อกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งจึงใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยทิ้งไว้ให้เดือดอีกประมาณ 3 นาที ถ้าต้องการให้น้ำข้นเหนียวก็ให้ใส่แป้งมันลงไปประมาณ 1 ช้อนชาและคนให้ละลายทั่ว

ของกล้วยๆ ที่น่ารู้

1. กล้วยหอม แยกได้เป็น
1.1 กล้วยหอมทอง
มีลำต้นสูงใหญ่แข็งแรง เครือใหญ่ ผลใหญ่ ลำต้นสูงประมาณ 2.5-3.5 เมตร กาบลำต้นด้านนอกมีประดำเล็กน้อย ด้านในสีเขียวอ่อน และมีเส้นสีชมพู ก้านใบมีร่องค่อนข้างกว้างและมีปีก ก้านช่อดอกมีขน ใบประดับรูปไข่ค่อนข้างยาว ปลายแหลม เครือหนึ่งมี 4-6 หวี หวีละ 12-16 ผล ผลใหญ่ ปลายผลมีจุกเห็นชัด เปลือกบาง เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง แต่ที่ปลายจุกจะเปลี่ยนสีภายหลัง เนื้อสีส้มอ่อน กลิ่นหอม รสหวาน
1.2 กล้วยหอมเชียงราย หรือ กล้วยหอมกะเหรี่ยง
เป็นกล้วยหอมที่ลำต้นแข็งแรง เมื่อตกเครือแทบไม่จำเป็นต้องใช้ไม้ค้ำเลย ลักษณะโดยทั่วไป คล้ายกับกล้วยหอมทอง เครือหนึ่งมีจำนวน 10-12 หวี หวีละ 14-16 ผล ผลคล้ายกล้วยหอมทอง แต่ปลายผลทู่ เมื่อสุกผิวจะมีสีเหลืองทอง เนื้อในสีส้มอ่อน รสหวานหอม เปลือกบาง แต่มีความทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี นิยมปลูกกันมากในแถบจังหวัดกาญจนบุรีและเพชรบุรี สถาบันเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อเกษตรกรรม กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ทำการขยายพันธุ์ โดยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
1.3 กล้วยหอมเขียว
มีลำต้นใหญ่แข็งแรงขึ้นเป็นกอ สูงประมาณ 2.5-3.5 เมตร กาบลำต้นด้านนอกมีประสีดำมากกว่ากล้วยหอมทอง เครือหนึ่งจะมี 9-10 หวี หวีละ 12-16 ผล ผลมีสีเขียว เมือสุกปลายผลทู่ เนื้อสีเหลืองอ่อน กลิ่นหอม รสหวาน
1.4 กล้วยหอมไต้หวัน
เป็นกล้วยหอมที่มีเปลือกลำต้นออกสีน้ำหมาก ขนาดลำต้นคล้ายกล้วยหอมทอง เมื่อสุกเนื้อแน่นเหนียวรสหวาน รับทานอร่อย ไม่หลุดร่วงง่าย เหมาะแก่การปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจในการส่งออก
1.5 กล้วยหอมจันทน
ปลูกกันมากในภาคเหนือแบบสวนหลังบ้าน มีลำต้นสูง 2.5-3.5 เมตร กาบลำต้นด้านนอกสีชมพูอมแดง มีประดำเล็กน้อย ก้านใบสีชมพูอมแดง เครือหนึ่งมีประมาณ 7 หวี หวีละ 14 ผล ผลเล็กคล้ายกล้วยเล็บมือนาง แต่ยาวกว่าและปลายผลไม่เรียวแหลม มีจุกสั้นใหญ่ ก้านผลสั้น เปลือกค่อนข้างหนา เมื่อสุกมีสีเหลืองคล้ายกัน กลิ่นหอมเย็น รสหวาน
2. กล้วยน้ำว้า เป็นกล้วยที่ปลูกกันทั่วไปในประเทศไทย เนื้อกล้วยมีคุณค่าทางอาหารมาก ใช้เป็นอาหารเด็กอ่อน กินสดและทำเป็นขนมหลายชนิด
ลักษณะทั่วไป ลำต้นสูงระหว่าง 1.75-4.5 เมตร แล้วแต่พันธุ์ เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นมากกว่า 15 ซม. กาบลำต้นด้านนอกสีเขียวอ่อน มีประดำเล็กน้อย ด้านในสีเขียวอ่อน ก้านใบมีร่องค่อนข้างแคบ เส้นกลางใบสีเขียว ก้านช่อดอกไม่มีขน ใบประดับรูปไข่ค่อนข้างป้อม ม้วนงอขึ้น ปลายป้าน ด้านบนสีแดงอมม่วงมีนวล ด้านล่างสีแดงเข้ม เครือหนึ่งมี 7-15 หวี แล้วแต่พันธุ์ หวีหนึ่งมี 10-16 ผล ความยาวใกล้เคียงกับกล้วยไข่ เปลือกหนากว่ากล้วยไข่ เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองปนน้ำตาล เนื้อสีขาว รสหวาน กล้วยน้ำว้ามีสายพันธุ์ย่อยแตกต่างไปดังนี้
2.1 กล้วยมะลิอ่อง
ลำต้นสูงไม่เกิน 2.5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 15 ซม. กาบลำต้นด้านนอกมีสีเขียวปนแดง มีประดำค่อนข้างมาก ก้านใบสีเขียวสด ท้องใบมีนวลมาก เครือหนึ่งมี 5-7 หวี ลักษณะผลภายนอกเหมือนกล้วยน้ำว้ากาบขาว ผลสุกมีสีเหลืองปนน้ำตาล เปลือกบาง บางครั้งมีกระที่ผิว เนื้อในมีสีขาวเหลือง รสหวานจัดกว่าทุกพันธุ์ เป็นกล้วยที่นิยมปลูกในสวนแถบบางกอกน้อย และสวนทุเรียนที่จังหวัดนนทบุรี มีชื่อพ้องว่า กล้วยน้ำว้าสวน ทองมาเอง
2.2 กล้วยน้ำว้าค่อม
ลักษณะ ลำต้นอวบอ้วน เตี้ยกว่ากล้วยน้ำว้าทั่วไป จะมีเครือ ขนาดใหญ่ ผลเยอะ ประมาณ 9-11 หวี หวีละประมาณ 15 ลูกขึ้นไป รสชาติ จะดีเฉพาะเครือแรก ถ้าเป็นกล้วยตอ ขนาดเครือและผลจะเล็กลง รสชาติจะด้อยลงมาและกล้วยชนิดนี้มักจะมีโรครากเน่า อยู่เสมอ เมื่อตัดเครือแรกแล้ว ควรแยกหน่อและย้ายหลุมปลูก อยากให้ซ้ำที่เดิม
2.3 กล้วยน้ำว้าดำ
ลักษณะลำต้นสูงใหญ่ เมื่อปลีกล้วยออกมาจะเห็นสีของปลีกล้วยผิดปกติกว่ากล้วยน้ำว้าธรรมดาทั่วไป บริเวณโคนก้านใบจะมีปื้นสีดำ และที่ผลอ่อนจะมองดูคล้ายมีเงาสีดำเคลือบอยู่ สีจะเปลี่ยนเป็นสีเปลือกมังคุดใกล้ดำ เมื่อผลแก่เต็มที่ตามภาพ
2.4 กล้วยน้ำว้าด่าง
เป็นกล้วยที่กลายพันธุ์มาจากกล้วยน้ำว้าค่อม แต่ลำต้นเล็กกว่า ลักษณะใบจะออกด่างขาวเป็นปื้น ทุกใบ เมื่อใบแก่ จะออกสีเขียวมากขึ้น สีขาวจะเลือนไปบ้างเล็กน้อย
3. กล้วยไข่
จะมีจุดประสีน้ำตาลที่ส่วนของลำต้น กาลและก้านใบมีสีเขียวอมเหลือง ผลกล้วยสั้นป้อม เนื้อกล้วยเมื่อสุกมีสีเหลืองไข่ รสหวาน มีหลายพันธุ์ดังนี้
3.1 กล้วยไข่กำแพงเพชร
3.2 กล้วยไข่ฝรั่ง
3.3 กล้วยไข่จีน
นิยมปลูกกันมากในภาคใต้ ลำต้นผอม สูงประมาณ 2.5 เมตร กาบลำต้นด้านนอกสีชมพูอมแดง มีประดำหนา ก้านใบสีชมพูอมแดง เครือหนึ่งมี 7-8 หวี ผลมีขนาดเล็กปลายเรียวยาว รูปโค้งงอ ก้านผลสั้น เปลือกหนา ผลเมื่อสุกมีสีเหลืองทาองและยังมีก้านเกสรตัวเมียติดอยู่ที่ปลายผล เนื้อในมีสีเหลือง รสหวานหอม มีชื่อพ้องว่า กล้วยข้าวทองดอกหมาก เล็บมือ
เป็นกล้วยที่มีอยู่บริเวณฝั่งธนบุรีมานานแล้ว แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจ เนื่องจากให้ผลน้อยและมีเนื้อแน่นเหนียว ไม่อร่อยเมื่อทานผลสด นิยมนำไปย่าง หรือเชื่อมรับประทานนับว่าเป็นกล้วยเชื่อมที่อร่อย ที่สุดอีกชนิดหนึ่ง ลำต้นสูงใหญ่กว่ากล้วยทั่วไป กล้วยชนิดนี้เมื่อออกเครือปลีจะหลุดหายไป กล้วยงาช้างจะออกปลีได้แค่ 1-3 หวีใน 1 เครือ หรืออาจจะไม่มีหวีเลยก็ได้ จึงถือได้ว่าเป็นกล้วยเสี่ยงทาย ถ้าผู้ใดปลูแล้วออกปลีแต่ไม่มีผลถือได้ว่าไม่มีโชคลาภ แต่ถ้าผู้ใดปลูกได้ 2-3 หวีนับว่ามีโชคลาภ ซึ่งในปกติมักจะมีแค่ 1หวีต่อเครือเท่านั้น
หน่อกล้วยจะมีสีชมพูอมแดง และมีมากกว่าหน่อกล้วยชนิดอื่นตามรูป
ลำต้นสูงประมาณ 2.5-3.5 เมตร กาบลำต้นด้านนอกมีสีเขียวปนชมพู-แดง มีประดำบ้าง ด้านในสีชมพูอมแดง ก้านใบมีร่องกว้างสีชมพูปนแดง มีปีก ก้านช่อดอกมีขน เครือหนึ่งมี 2-3 หวี หวีละ 6-9 ผล ผลใหญ่ สีเขียวอมม่วง เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วงสดใส ตามรูป ก้านผลสั้น เนื้อสีเหลือง กลิ่นหอมเย็น รสหวาน กล้วยชนิดนี้กลายพันธุ์ง่าย โดยผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เช่นกล้วยทั่วไป มีชื่อพ้องว่า กล้วยกุ้ง แดง
ปลูกกันโดยทั่วไปในแถบอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เนื่องจากทนน้ำท่วมและหนอนเจาะ เป็นกล้วยที่มีลำต้นแข็งแรง ต้นโดกาบด้านนอกสีเขียวมะกอก เส้นกลางใบสีชมพูอมม่วงเห็นชัด รูปร่างของเครือเป็นรูปกรวย การเรียงตัวของหวีแน่น ผลมีจุกเหมือนจุกขวด เครือหนึ่งมี 10 หวี ผลมีขนาดเล็ก ก้านผลสั้น เมื่อดิบสีเขียวสด ผลสุกมีสีเหลืองสดไม่หลุดออกจากเครือ เมื่อสุกเนื้อมีรสหวานออกเปรี้ยว
ลำต้นแข็งแรง สูง 3.5- 4.5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นมากกว่า 30 ซม. กาบลำต้นด้านนอกสีเขียวเข้ม มีประดำบ้างเล็กน้อย มีนวลมาก ด้านในสีเขียวอ่อน ก้านใบมีร่องค่อนข้างแคบ เส้นกลางใบสีเขียว มีนวลทางด้านล่าง ก้านช่อดอกไม่มีขน เครือหนึ่งมีประมาณ 12-14 หวี หวีละ 10-15 ผล ผลมีขนาดใหญ่ กว้าง 5-6 ซม. ยาว 12-15 ซม. ลักษณะคล้ายกล้วยน้ำว้า เห็นเหลี่ยมชัดเจน การเรียงตัวของผลเป็นระเบียบ ก้านผลยาว เมื่อดิบผิวสีเขียวสด เมื่อสุกมีสีเหลืองทอง ตัดกับสีของผลที่ยังไม่สุกเห็นได้ชัดเจน เนื้อผลคล้ายกล้วยน้ำว้า แต่นิ่มกว่า รสชาติไม่ดี นิยมทำเป็นกล้วยฉาบ เมื่อยังดิบ เช่นเดียวกับกล้วยหักมุก อายุการตกผลมากกว่า 18 เดือน ทนน้ำท่วมและหนอนกอ
จัดอยู่ในกลุ่มพันธุ์แท้ของกล้วยป่า หรือพันธุ์ที่ได้กลายพันธุ์ไปจากพันธุ์แท้ แต่ยังมีลักษณะของพันธุ์แท้อยู่มาก ลำต้นเทียมสูงไม่เกิน 2-3 เมตร กาบด้านนอกและด้านในจะเป็นสีชมพูอมแดงและมีปื้น ก้านใบตั้งขึ้น มีร่องกว้าง มีครีบสีชมพูเส้นกลางใบเป็นสีชมพูอมแดง ก้านช่อดอกมีขน ใบประดับรูปไข่ค่อนข้างยาวม้วนงอขึ้นปลายแหลม เครือหนึ่งมีประมาณ 5 หวี หวีหนึ่งมีผลประมาณ 12-18 ผล ผลคล้าย กล้วยหอมจันทร์ แต่ผลจะโค้งงอน้อยกว่า เมื่อสุกเปลือกจะเป็นสีเหลืองเข้มกว่ากล้วยหอมจันทร์ และมีกระสีดำเล็กๆ คล้าย กล้วยไข่ เนื้อในเป็นสีเหลืองส้ม มีกลิ่นหอมแรงคล้ายกลิ่นหอมดอกไม้ รสหวานชื่นใจ ขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ
กล้วยน้ำไท ปลูกได้ในดินทั่วไป เจริญเติบโตเร็ว เหมาะจะปลูกเป็นทั้งไม้ประดับและใช้ประโยชน์ทางพิธีกรรมตามความเชื่อต่างๆ หรือเพื่อทานผลก็ได้
ประโยชน์ทางยาและพิธีกรรม ผลดิบกล้วยน้ำไทยมีรสฝาด สมานกล่อมอาจม ยางกล้วยเช็ดลิ้นเด็กแก้ละอองซาง เปลือกผลสุมไฟทาแก้ปากเปื่อย ผลสุกรับประทานแบบธรรมดาอร่อยเป็นยาเจริญธาตุ รสหวาน มีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นดอกไม้ ใครได้รับประทานแล้วจะติดใจ นอกจากนั้น ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น การบวงสรวง ขวัญข้าว หรือไหว้ครู หมอหรือพราหมณ์จะใช้ กล้วยน้ำไทย ประกอบพิธีทั้งสิ้น จึงนับว่าเป็น กล้วยพิธี ที่ยึดถือกันมาแต่บรรพกาล ปัจจุบันหายากเลยต้องใช้กล้วยน้ำว้าแทน
ตำนาน สมัยก่อนมีตำนานเล่าว่า หญิงชรามีลูกเยอะ ร่างกายทรุดโทรม เอากล้วยชนิดนี้ไปทำยาลูกกลอนผสมพริกไทยน้ำผึ้งกินเป็นประจำ ทำให้ร่างกายกลับเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้นมาใหม่ จนทำให้ลูกๆจำแม่ตัวเองไม่ได้ หมอยาไทยในยุคนั้นจึงเรียกสูตรยาดังกล่าวว่า "ยาลูกแปลกแม่" คือจำแม่ไม่ได้นั่นเอง
มีลำต้นสูง 2.5-3.5 เมตร ลำต้นแข็งแรง กาบลำต้นด้านนอกมีประดำบ้างเล็กน้อย มีนวลมาก ด้านในสีเขียวอ่อน ก้านใบมีร่องค่อนข้างแคบและมีปีก เส้นกลางใบสีเขียวมีนวลทางด้านล่าง ก้านช่อดอกไม่มีขน ใบประดับรูปไข่ค่อนข้างป้อมม้วนงอขึ้น ปลายป้าน ด้านบนมีนวลหนา ด้านล่างสีแดงเข้ม เครือหนึ่งมีประมาณ 7 หวี หวีละ 10-16ผล ผลขนาดใหญ่กว้าง 4-5 ซม. ยาว 11-12 ซม. ก้านผลยาว ลักษณะคล้ายกล้วยน้ำว้า แต่ปลายผลลีบลงมากกว่าและเห็นเหลี่ยมชัดเจน เปลือกหนา เมื่อสุกมีสีเหลือง อมน้ำตาล มีนวลหนา เนื้อสีส้มหยาบ กล้วยหักมุก มี 2 ชนิดคือ หักมุกมีนวล และ หักมุกเขียว (ไม่มีนวล) ชนิดมีนวลกลายมาจากหักมุกเขียว แต่มีลักษณะที่ดีกว่า ตามรูป จึงถูกคัดเลือกไว้เป็นพันธุ์ปลูก ส่วนหักมุกเขียว ผิวเปลือกมีสีดำประปราย เนื้อไม่ค่อยแน่น บางครั้งพบการกลายในเครือเดียวกันมีทั้ง 2 ชนิด
เป็นกล้วยที่มีลำต้นสูง ใบใหญ่คล้ายกล้วยหักมุก กาบลำต้นสีเขียว มีประดำบริเวณโคนกาบใบ และก้านใบมีร่องแคบ ใบสีเขียวเป็นมัน ท้องใบมีนวล ผลขนาดใหญ่เป็นเหลี่ยม มีนวลดูเป็นสีเทา และมีแนวโน้มที่จะไม่มีดอกตัวผู้ หรือปลีหลุดหายไปหลังจากติดผลแล้ว ถ้าเครือนั้นมีดอกตัวผู้ ผลก็มีการพัฒนาต่อไปเช่นเดียวกับกล้วยอื่นๆและต้องตัดปลีทิ้ง ดังนั้น กล้วยเทพรสจึงพบว่ามีจำนวนหวี 2-3 หวี แล้วปลีหลุดหายไป หรือมีจำนวนหวี 5-7 หวี และต้องตัดปลีทิ้ง ทั้งนี้ สุดแล้วแต่ว่าดอกตัวผู้จะมีการพัฒนาต่อไปหรือไม่ ผลกล้วยมีก้านผลค่อนข้างยาว ตามรูป ช่อดอกสำหรับชนิดปลีหายจะชี้ขึ้นเล็กน้อย และค่อนข้างสั้น ส่วนชนิดมีปลี ช่อดอกจะโค้งลงเช่นเดียวกับกล้วยหักมุก ผลเมื่อสุกมีสีเหลืองไพล เนื้อไม่ค่อยแน่น รสหวานเย็นหอมเล็กน้อย ถ้าทำให้สุกด้วยความร้อนจะมีรสหวาน
12. กล้วยพม่าแหกคุก

ลักษณะทั่วไปของใบและกาบใบสีเขียวจัดกว่ากล้วยน้ำว้า สูงราว 4-5 เมตร จำนวนหวีประมาณ 16 หวี แต่ละหวีมีขนาดใหญ่ราวหนึ่งเท่าครึ่งของกล้วยน้ำว้าขนาดใหญ่ ผลค่อนข้างเป็นเหลี่ยม มีขนาดยาวกว่ากล้วยน้ำว้า ราวหนึ่งเท่าครึ่งเช่นกัน ผลเมื่อสุกเนื้อค่อนข้างเละ
13. กล้วยแดง หรือ กล้วยนาคพม่า
ลักษณะลำต้นคล้ายกล้วยนาค มีกาบก้านใบสีแดง มีผลยาวคล้ายกล้วยหอมแต่สีเหมือนกล้วยนาค รสชาติคล้ายกล้วยนาคคือกล้วยหอมผสมกล้วยไข่ รสเย็นหวาน
14. กล้วยงาหมู หรือ กล้วยนมสาว กล้วยน้ำญิ่ปุ่น
เป็นกล้วยพื้นเมืองของภาคเหนือ ลำต้นขนาดกลาง กาบก้านใบสีชมพูอมแดง เมื่อสุกรสชาติจะหวานหอม ซึ่งใชกินกับข้าวเหนียวแทนมะม่วงได้ เป็นกล้วยที่ให้หน่อน้อย เพียงปีละ 3-4 หน่อเท่านั้น ยังไม่แพร่หลายนัก
ลำต้นสูงไม่เกิน 3.5 เมตร กาบลำต้นด้านนอกสีเขียวอ่อน มีประดำเล็กน้อย ก้านใบมีร่องค่อนข้างแคบ เส้นกลางใบสีเขียว ก้านช่อดอกไม่มีขน เครือหนึ่งมี 6-7 หวี หวีละ 16-18 ผล ผลมีขนาดเล็ก ก้านผลสั้น รูปร่างเป็นเหลี่ยมเห็นชัดเจน มีก้านเกสรตัวเมียติดอยู่ การเรียงตัวของผลไม่เป็นระเบียบ โดยผลที่อยู่แถวบนและแถวล่างจะแยกอ้าออกจากกัน ผลสุกมีรสหอมหวาน ไม่นิยมปลูกกันเนื่องจากการตกเครือช้ามากกว่า 1 ปี บางทีเรียก กล้วยตีบ (ผลสุกมีสีเหลืองดั่งทองคำสวยงามมาก)
16. กล้วยตานี
ลำต้นสูง 3.5-4 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 ซม. สีเขียวไม่มีปื้นดำ กาบลำต้นด้านในสีเขียว ก้านใบสีเขียว เส้นกลางใบสีเขียว ไม่มีร่อง ใบสีเขียวเป็นมัน มีความเหนียวมากกว่ากล้วยพันธุ์อื่นๆ ก้านช่อดอกสีเขียวไม่มีขน ใบประดับรูปร่างค่อนข้างป้อม มีความกว้างมาก ปลายมนด้านบนสีแดงอมม่วง มีนวล ด้านล่างสีแดงเข้มสดใส เมื่อใบประดับการขึ้นจะตั้งฉากกับช่อดอกและไม่ม้วนงอ ใบประดับแต่ละใบซ้อนกันลึก เครือหนึ่งมีประมาณ 8 หวี หวีละ 10-14 ผล ผลป้อมขนาดใหญ่มีเหลี่ยมเห็นชัดเจน ลักษณะคล้ายกล้วยหักมุกแต่ปลายทู่ ก้านผลยาว ผลสุกสีเหลืองรสหวาน มีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ดใหญ่สีดำ
เป็นกล้วยป่า มีลำต้นเทียมสูง 0.5-2 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 8 ซม. กาบใบมีปื้นสีม่วง ใบกว้าง 25-35 ซม. ยาว 90-150 ซม. สีเขียวและมีนวล ตามรูป


ก้านใบยาว 30-70 ซม. ช่อดอกตั้ง ยาว 60 ซฒ. หรือมากกว่า ก้านดอกมีขนสั้นปกคลุมหนาแน่น ดอกตัวเมียสีขาวหม่น ปลายสีเขียว เรียงชิดกัน 3-8 แถว แถวละ 2-4 ดอก ใบประดับกว้าง 4.5 * 15 ซม. สีม่วง ปลายสีเขียว อาจหลุดร่วงไปก่อน ดอกตัวผู้สีเหลือง ยาว 4 ซม. ผลตรงสีน้ำตาลดำ คล้ายลายที่ใบ ไม่นิยมนำมารับประทานเนื่องจากมีขนาดเล็กมาก
เป็นกล้วยที่มีเสน่ห์ สร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นเสมอ แหล่งใหญ่ที่พบกล้วยผาคือ เทือกเขาด้านทิศตะวันตกของประเทศไทย โดยเฉพาะทางกาญจนบุรี กล้วยผาแพร่พันธุ์โดยเมล็ด เมื่อผลสุกมีนกกินผลแล้วถ่ายเมล็ดทิ้งไว้ในหลายๆที่ บางแห่งไม่เหมาะกับการเจริญเติบโต แต่กล้วยผาก็โตได้
มีลำต้นสีเขียว ใบสีเขียว กาบใบซ้อนกันโดยรอบ ลักษณะคล้ายลำต้นอ่อนของปาล์ม สูง 30-60 ซม. จนถึง 1-2 เมตร ปลีหรือดอกตั้งตรงในระยะเวลา 10-15 วัน จากนั้นจะโค้งงอประมาณ 90 องศา กาบปลีสีแดงครั่งอ่อนและเขียวอ่อน อายุการบาน 2-3 เดือน ผลมีขนาดเล็ก ผลสุกกินได้ รสหวาน กลิ่นหอม ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดอย่างเดียว
กล้วยผาตามธรรมชาติเจริญเติบโตเฉพาะฤดูฝน หน้าแล้วกล้วยจะทิ้งใบ ครั้นฝนใหม่มาเยือนจะแตกใบอีกครั้ง ตั้งแต่เมล็ดงอกจนถึงสร้างดอกได้ ใช้เวลา 3 ปี
ปลูกมากทางภาคอีสานเหนือ ลำต้นมีสีเขียวนวลหม่นๆ ใบสีเขียวนวล โคนต้นกลมใหญ่ จากนั้นลำต้นค่อยๆเรียวขึ้นถึงปลายลำต้น ซึ่งจะเล็กกว่าลำต้นมองเห็นได้ชัดเจน ดูแล้วคล้ายปาล์มขวดสูงเต็มที่ราว 3 เมตร ช่อดอกใหญ่ โน้มลงเหมือนกล้วยน้ำว้า ใบประดับคล้ายกล้วยผาแต่มีสีเขียว เมื่อปลีเริ่มออก จะมีกาบปลีหรือกาบหุ้มดอกออกมาคลุมส่วนที่เป็นหวีทุกหวี ดูภายนอกเหมือนระฆังคว่ำครอบปลี รอบหวีกล้วยทุกระยะจนกว่าจะสุดเครือ ใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนผลจึงเริ่มสุก ผลสุกรับประทานได้มีกลิ่นหอม แต่เมล็ดมาก
กาบใบตากแห้งจะเหนียวมาก ในอดีตเกษตรกรนำมามัดหมี่เส้นไหม กล้วยโทนขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ด เพราะไม่แตกหน่อ อายุประมาณ 1-2 ปี


เป็นกล้วยที่ได้จากการเพาะเนื้อเยื่อ โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เลี้ยงดูเพื่อความสวยงาม ตามรูป เลี้ยงยากเนื่องจากจะเกิดโรคใบจุดและจะทำให้เน่าได้ง่าย



เป็นกล้วยพื้นเมืองจากทางใต้ แต่ได้นำมาปลูกทางภาคกลางและภาคอื่นๆ นานแล้ว เป็นกล้วยที่ใช้ต้มรับประทานจะมีรสชาติอร่อยมาก ลำต้นสีเขียวสูงใหญ่ ตามรูป

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

ต้านโรคด้วยกล้วย



กินกล้วยต้านโรค (Lisa)

           กล้วย มีกำเนิดอยู่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงได้หลายพันปี หลายปีมาแล้ว เชื่อกันว่ากล้วยเป็นผลไม้ชนิดแรกที่คนปลูก เพื่อเป็นอาหาร ประเทศไทยเราชื่อแน่ว่าปลูกกล้วยกินมานานมากแล้ว จดหมายในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อ 300 กว่าปีมาแล้วก็กล่าวถึงเรื่องของกล้วย และยังมีผู้สำรวจและกล่าวว่ากล้วยหลาย 10 พันธุ์มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย แต่คนไทยกลับนิยมกินกล้วยกินน้อยมาก บางคนดูถูกด้วยซ้ำว่าเป็นผลไม้ของคนยาก เนื่องจากราคาถูก จึงถูกจัดให้เป็นผลไม้เกรดต่ำ นำมาขึ้นโต๊ะรับแขกไม่ได้ แขกจะถูกแย่ว่าเลี้ยงกล้วย ต้องไปหาผลไม้แพงๆ ซึ่งความจริงผลไม้ไทยๆ อย่างกล้วยนี้ สุดยอดวิตามินเชียวล่ะ

กินกล้วย-ต้านโรค


            กล้วยผลไม้ไทย ๆ ของเรานี่แหละใช้เป็นยาป้องกันและรักษาโรคได้หลายโรค และยังเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารอาหารครบทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ คือมีทั้ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และยังมีคุณสมบัติที่ย่อยง่าย ทางการแพทย์จึงได้เลือกให้กล้วยน้ำว้าสุกเป็นอาหารเสริมในวัยทารก

           น้ำตาลที่เกิดขึ้นจากขบวนการเปลี่ยนแปลงของแป้ง ขณะที่กล้วยสุกก็มีคุณสมบัติพิเศษ คือ เมื่อกล้วยตกไปถึงลำไส้จะทำให้ลำไส้มีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้แคลเซียมถูกดูดซึมง่ายและสมบูรณ์ขึ้น จึงนับว่าน้ำตาลในกล้วยมีคุณค่ากว่าน้ำตาลที่ได้จากธัญพืชอื่น ๆ
           สารอาหารโปรตีนที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้า เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับเราอยู่หลายชนิด  โดยเฉพาะมีกรดอะมิโนที่มีชื่อว่า อาร์จินิน และ ฮีสติดีน ซึ่งกรดอะมิโนทั้ง 2 ตัวนี้ เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก

           นอกจากโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตแล้ว ในกล้วยแต่ละชนิดยังมีไขมันแม้จะอยู่ในปริมาณที่น้อยก็ตาม

           กล้วยแต่ละชนิดจะให้โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ในปริมาณที่แตกต่างกัน จะเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนจากตาราง โดยเปรียบเทียบจากเนื้อกล้วยในปริมาณ 100 กรัม เท่าๆ กัน

           ส่วนวิตามินนั้น มองดูผิวเผิน กล้วยแต่ละชนิดสีขาวๆ ทั้งนั้นไม่น่าจะให้วิตามินเอเลย แต่ในกล้วยก็มีวิตามินเออยู่ด้วย แม้จะไม่มากเท่าวิตามินเอที่ได้จากมะละกอหรือมะม่วงสุก แต่ก็มีวิตามินเอมากกว่าผลไม้อีกหลาย ๆ ชนิด เช่น ชมพู่ ส้มโอ น้อยหน่า เป็นต้น ในบรรดากล้วยทุกชนิดนั้น กล้วยน้ำว้าจะมีวิตามินเอมากกว่าเพื่อน สำหรับวิตามินตัวอื่น กล้วยก็มีอยู่ครบทุกชนิดเช่นกัน ทั้งวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี และไนอะซิน

ลดน้ำหนักด้วยกล้วยมื้อเช้า




วิธีปฏิบัติ

1. เริ่มจากกินกล้วยหอมอย่างเดียวในมื้อเช้า จะกี่ลูกก็ได้ตามต้องการ เคี้ยวให้ละเอียด หลังจากกินเสร็จแล้วยังหิวอยู่ ให้เว้นระยะเวลา 15-30 นาที จึงรับประทานอย่างอื่น เช่น ข้าว เป็นต้น ถ้าวันไหนเบื่อกล้วย หรือไม่ชอบกล้วยหอมจริงๆ จะเปลี่ยนเป็นผลไม้ชนิดอื่นก็ได้ เช่น แอ๊ปเปิ้ล แคนตาลูป หรือแตงโม เป็นต้น แต่ขอให้เป็นผลไม้ชนิดเดียวเท่านั้น เพื่อแบ่งเบาภาระของกระเพาะของเราไม่ให้เหนื่อยเกินไปที่จะผลิตน้ำย่อยกรดด่างต่างกัน 
2. เครื่องดื่มที่ดื่มควบคู่กับกล้วยหอมตอนเช้าคือน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้อง และดื่มบ่อยๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณ 
3. ส่วนมื้อกลางวัน จะกินอะไรก็ได้ แต่ต้องเคี้ยวให้ละเอียด กินให้พอเหมาะและไม่อึดอัดท้องจนเกินไป 
4. พอถึงบ่ายสามก็กินของว่างได้บ้าง โดยเฉพาะของว่างประเภทข้าว ช็อกโกแลต หรือผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น 
5. กินอาหารเย็นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเวลาเหมาะสมจะอยู่ที่ 6 โมงเย็นแต่ไม่เกิน 2 ทุ่ม และพยายามกินให้เร็วขึ้นจากปัจจุบันสักครึ่งชั่วโมง รวมทั้งไม่รับประทานของหวานหลังอาหารเย็นด้วย ซึ่งการกินข้าวเย็นแต่เร็ววัน ถึงแม้จะกินเยอะก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด
6. นอนหลับให้ไวขึ้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องนอนก่อนเที่ยงคืนให้ได้ พยายามนอนก่อนเที่ยงคืนให้เป็นนิสัย เพื่อฟื้นฟูร่างกายขณะหลับ กำจัดความเหนื่อยล้าซึ่งจะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพผอมได้ง่าย
7. ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายที่ไม่หักโหมจนเกินไป ทำให้พอเหมาะ เพื่อร่างกายสดชื่น การออกกำลังกายอย่าหักโหมจนรู้สึกทรมาน การไดเอ็ทจะไม่ได้ผล
8.จดบันทึกไดเอ็ทไดอารี่ให้เป็นนิสัย และเปิดเผยให้คนอื่นอ่านด้วย เป็นบ่อเกิดแห่งกำลังใจอย่างหนึ่ง

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2557

กล้วย 1 ใบ ทำอะไรได้บ้าง



หันมากินกล้วยกันเถอะเรา...เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับแอปเปิ้ล ผลไม้ที่วงการโภชนาการยกย่องให้เป็นสุดยอดอาหารทรงคุณประโยชน์แล้ว กล้วยมีโปรตีนมากกว่าแอปเปิ้ลถึง 4 เท่า มีคาร์โบไฮเดรตมากกว่า 2 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่า 3 เท่า มีวิตามินเอและธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่า และมีวิตามินรวมทั้งแร่ธาตุอื่นๆ มากกว่า 2 เท่า และอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและประสาท ช่วยควบคุมความดันโลหิต
         นอกจากนี้ กล้วยยังมีเส้นใยและกากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นกล้วยสดหรือตากแห้ง ก็ล้วนแต่อุดมไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด คือ ซูโครส ฟรุกโตส และกลูโคส น้ำตาลเหล่านี้จะหมุนเวียนในกระแสโลหิต ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
         จากงานวิจัยพบว่า การรับประทานกล้วยเพียง 2 ผล ก็สามารถเพิ่มพลังงานให้อย่างเพียงพอต่อการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ได้นานถึง 90 นาที นักกีฬาจึงมักจะรับประทานกล้วยเป็นอาหารเพิ่มพลังงานก่อนหรือระหว่างการแข่งขัน
         กล้วยยังได้ชื่อว่าเป็นอาหารบำรุงสมองอีกด้วย มีงานวิจัยที่ให้นักเรียน 200 คนรับประทานกล้วยในมื้อเช้า ตอนพัก และมื้อกลางวันของทุกวัน เพื่อดูว่ากล้วยจะช่วยส่งเสริมกำลังสมองของพวกเขาได้หรือไม่ ผลปรากฏว่านักเรียนได้คะแนนดีจากการสอบตลอดปี การวิจัยแสดงให้เห็นว่า โพแทสเซียมในกล้วยที่มีอยู่ในปริมาณสูง ทำให้นักเรียนตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น
         สำหรับคนที่ระวังเรื่องน้ำตาล กล้วยน้ำว้าคือ กล้วยที่ดีที่สุด เพราะมีน้ำตาลน้อย ถัดมาคือกล้วยไข่ และกล้วยหอมกล้วยทั้งสามชนิดล้วนเป็นผลไม้ที่หาง่ายในบ้านเรา ราคาก็ไม่แพงจนเกินไป อยากสุขภาพดีแบบกล้วยๆ จงหันมากินกล้วย ณ บัดนี้

เทคนิคการปลูกกล้วย

เมื่อกล้วยอายุประมาณ 9 เดือนมันก็ออกลูกโดยมีหลักเกณฑ์ในการสังเกตดูว่าในช่วง 9 เดือนนี้ วันไหนมันจะออกลูกสังเกตได้ดังนี้
1). นับอายุ 9 เดือน ตั้งแต่วันปลูก
2). นับใบ เพราะกล้วยออกลูก จะมีใบไม่เกิน 14 ใบ
3). ดูใบที่สั้นกว่าใบอื่นซึ่งจะมี 3 ใบ คือ ใบสั้นที่ 1, ใบสั้นที่ 2 และใบสั้นที่ 3 หรือชาวบ้านเรียกกันว่า "ใบธง" จะสั้นกว่าใบสั้นทั้ง 2 ใบแรกใบสั้นของกล้วยตั้งแต่ใบที่ 1-3 นี้ จะเป็นตัวบอกว่า ถ้าใบสั้นที่ 1 ออกจะแสดงว่า ดอกกล้วย (ซึ่งจะพัฒนาเป็นหวีกล้วยนั่นแหละ) จะอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 50 ซม. ใบสั้นที่ 2 ออกแสดงว่า ดอกกล้วยจะอยู่สูงจากพื้นดินประมาณกลางลำต้น ใบที่ 3 ออกดอกจะอยู่บริเวณลำคอหรือ ห่างจากยอดลงมาประมาณ 30 ซม.
ดังนั้นถ้าเรารู้ระยะของดอกแล้ว เราสามารถกำหนดให้ดอกกล้วยออกในระดับใดก็ได้จากเหตุผลที่อธิบายข้างต้น โดยการเจาะรูขนาด 2" หรือ ถ้าต้นเล็ก ก็ 1" ที่ลำต้น จะเป็นรูเหลี่ยมหรือกลมก็ได้ โดยเจาะรูในระดับที่คาดการณ์ของความสูงของดอก ให้เจาะลึกถึงหยวกกล้วย(แกนของลำต้น) แล้วนำแผ่นพลาสติกแข็งหรือสังกะสีมาเสียบดักด้านบนของรูที่เจาะ เพื่อดักดอกกล้วยไม่ให้แทงขึ้นไป เพื่อออกหวีบนยอด เมื่อดอกกล้วยโดนดักแล้ว มีรูให้งอกออก มันจะงอกออกตามรูนั่นแหละ แล้วจะเกิดเหตุประหลาดถ้าใครไม่รู้เทคนิคการบังคับให้กล้วยออกหวีแบบนี้จะมีผลดีในการดูแลรักษาลูกกล้วยและง่ายต่อการเก็บเกี่ยว อีกอย่างคนที่ทำได้จะรู้สึกภูมิใจแน่ ๆเลย ถ้ามีคนถามว่าทำได้ไง จะ ยิ้ม.ม.ม.ม.ม.ม.ม...หน้าบานเป็นกระด้งเลย

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

วิธีการทำกล้วยฉาบ


      การทำกล้วยฉาบ เป็นวิธีการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรที่มีมาแต่โบราณ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต กล้วยฉาบเป็นขนมที่มีประโยชน์ที่เกิดขึ้นมาจากภูมิปัญญาของคนไทย วันนี้เพื่อนฟาร์มมีสูตรการทำกล้วยฉาบสุดอร่อยมาฝากกันค่ะ

การทำกล้วยฉาบให้อร่อย

วัสดุและอุปกรณ์ในการทำกล้วยฉาบ


1.กล้วยที่แก่จัด แต่ไม่ถึงกับสุก กล้วยที่นิยมนำมาฉาบจะเป็น กล้วยน้ำหว้า
2.น้ำมันสำหรับใช้ทอด
3.น้ำตาลทราย
4.เกลือ
5.เนย
6.ใบเตย

วิธีการทำกล้วยฉาบ


1.นำกล้วยมาปอกเปลือกแล้วนำไปแช่น้ำเกลือไว้เพื่อไม่ให้กล้วยมีสีดำ


2.ฝานกล้วยเป็นแผ่นบางๆตามยาวหรือตามขวางก็ได้แล้วแต่ว่าจะชอบแบบไหน

ขั้นตอนในการฝานกล้วยเพื่อทำกล้วยฉาบ


3.นำกล้วยลงไปทอดในน้ำมันที่ผสมเนยและใบเตย หมั่นกลับกล้วยบ่อยๆให้สุกสม่ำเสมอกัน จนกรอบ ไม่ต้องให้กล้วยเหลืองจากกระทะ คือเอาให้พอกรอบ แล้วพอตั้งไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน กล้วยจะเหลืองเอง
4.ตั้งกระทะ ใส่น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำตาล 1/2 ถ้วย ใส่เกลือเล็กน้อย เคี่ยวให้น้ำตาลเหนียวและเหลือง ลดไฟลง
5.นำกล้วยที่ทอดเสร็จไปคลุกเคล้ากับน้ำตาล ระวังอย่าทำแรงเพราะกล้วยจะแตก

การทอดกล้วยฉาบ



เป็นอันว่าเสร็จพิธีในการทำกล้วยทอด ในขั้นตอนการทำน้ำเชื่อมใครอยากได้รสชาติหรือกลิ่นอะไรก็สามารถดัดแปลงได้ครับ อาจใช้น้ำผึ้งผสมน้ำตาลก็ได้ เพื่อความหอม เป็นต้น